Real estate & condomanager community

วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ลูกบ้านคอนโด : ลูกบ้านผู้น่าสงสาร


ลูกบ้านผู้น่าสงสาร

ลูกบ้านท่านนี้เลือกซื้อห้องชุดในทำเลที่สวยที่สุดมุมหนึ่งของอาคาร อยู่ชั้นบนสุดของคอนโด 30 ชั้น แล้วเป็นห้องมุมที่มีมุมหนึ่งของห้องเป็นกระจก สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้ชัดเจน สวยงามมาก แต่สำหรับคนอย่างเราๆ เวลาไปยืนตรงมุมห้องที่เป็นกระจก แล้วมองวิวออกไปนอกห้อง บนชั้น 30 ของคอนโด ก็เล่นเอาแข้งขาอ่อนแรงไปได้เหมือนกัน แต่ทำไมเจ้าของห้องท่านนี้ถึงชื่นชมวิวทิวทัศน์แบบนี้ได้ โดยไม่มีอาการแข้งขาอ่อนแรงเหมือนเราครับ คำตอบคือท่านประกอบอาชีพเป็นนักบินครับ ขับเครื่องบินพาณิชย์ ทำงานอยู่บนที่สูงจนเคยชิน คงจะเคยชินจนรู้สึกว่าถ้าอยู่บ้านที่มีพื้นติดกับดิน หรือคอนโดชั้นเตี้ยๆคงจะอึดอัดนะผมว่า

ครั้งแรกที่ผมพบกับท่านผู้นี้ ก็ด้วยเหตุที่คอนโดกำลังเร่งรัดจัดเก็บค่าใช้จ่ายส่วนกลางที่เจ้าของร่วมค้างชำระ ซึ่งตามกระบวนการผมก็ออกหนังสือแจ้งให้ชำระครั้งที่ 1 พร้อมกับอธิบายว่ากฎหมายคอนโดฉบับใหม่กำหนดอำนาจให้นิติบุคคลทำอะไรได้บ้าง เช่นคิดเงินเพิ่มในอัตราไม่เกิน 12% ต่อปีของยอดค้างชำระ โดยไม่คิดทบต้น (มาตรา 18/1) ข้อบังคับของคอนโดก็ระบุว่าค้างชำระเกิน 3 เดือนจะถูกระงับน้ำประปา ถ้าเกิน 6 เดือนก็จะคิดเงินเพิ่มอีก 20% ต่อปี ของยอดค้างชำระ งดให้บริการส่วนรวมและไม่มีสิทธิ์ออกเสียงในที่ประชุมใหญ่เจ้าของร่วม (มาตรา 18/1) พร้อมถูกฟ้องบังคับชำระหนี้ โดยผู้จัดการนิติบุคคล ( มาตรา 36(6) )

พอได้รับท่านก็มาพบผมพร้อมกับหนังสือแจ้ง (เตือน) ให้ชำระค่าส่วนกลาง ด้วยสีหน้าท่าทางไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไรนัก คำถามแรกที่ท่านทักทายผมก็คือ เปลี่ยนผู้จัดการอีกแล้วหรือนี่ ผมก็ตอบว่าครับ พร้อมกับแนะนำตัวว่าผมมาจากบริษัทอะไร เริ่มเข้ามารับงานเมื่อไร มีอะไรให้ผมบริการก็เชิญนะครับ

ท่านตอบว่ามีแน่ แล้วก็แสดงหนังสือแจ้งเตือนที่ว่าในมือ พร้อมกับถามผมว่า คุณเป็นคนออกหนังสือฉบับนี้ใช่หรือเปล่า ผมก็ตอบว่า ถูกต้องครับ ผมออกเพื่อแจ้งเตือนให้กับเจ้าของร่วมทุกท่านที่ค้างชำระเกินกำหนด เป็นหน้าที่ที่ผมได้รับมอบหมายมาจากคณะกรรมการคอนโด ท่านก็ถามว่า แล้วกรรมการคอนโดหรือคุณผู้จัดการ ทราบปัญหาที่เกิดขึ้นในห้องผมหรือเปล่า ผมก็ตอบไม่ทราบครับ

ท่านก็เชิญผมไปดูสภาพปัญหาห้องของท่าน พอขึ้นไปดูผมถึงกับอึ้งเลยครับ ตามที่เกริ่นให้ฟังว่า โดยที่ห้องของท่านเป็นห้องที่มีมุมกระจก แล้วก็อยู่ชั้นบนสุดของอาคาร วิบากกรรมของลูกบ้านท่านนี้ก็คือ เวลาฝนตกทีไร น้ำฝนจะรั่วซึมจากดาดฟ้าหลังคาตึก เข้ามาทางฝ้าเพดานตรงมุมกระจกทุกทีไป

เสร็จแล้วก็พากันลงมาคุยกันต่อในห้องทำงานผม เดิมทีท่านใช้ปัญหาสภาพฝนรั่วเข้าห้องเป็นเครื่องมือต่อรองกับผมว่า เหตุผลที่ท่านไม่ยอมจ่ายค่าส่วนกลางเพราะคอนโดไม่ยอมดูแลแก้ไขปัญหาให้ท่าน ท่านจะไม่จ่ายจนกว่าคอนโดจะแก้ไขปัญหาให้ท่านได้ อันที่จริงแล้วคอนโดควรจะงดเก็บค่าส่วนกลางจากท่านด้วยซ้ำไป เพราะท่านได้รับความเดือดร้อนจากการบริหารของคอนโด

ผมก็ตอบไปว่า เป็นสิทธิ์และเหตุผลส่วนตัวของท่านที่จะคิดแบบนั้น แต่ถ้าท่านไม่จ่าย คอนโดก็จะคิดค่าปรับ ( เงินเพิ่ม ) ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ แล้วยิ่งนานไป ถ้าค้างเกิน 3 เดือนผมก็จะต้องงดจ่ายน้ำประปาให้กับท่าน แล้วถ้าค้างเกิน 6 เดือนก็จะคิดค่าปรับ 20% แถมฟ้องบังคับชำระหนี้ด้วยนะครับ อันนี้ผมไม่ได้ขู่นะครับ เพียงแต่แจ้งข้อกำหนดอำนาจของนิติบุคคลอาคารชุดตามกฎหมายให้ท่านทราบ

เท่านั้นแหละครับ ท่านก็หน้าแดง ( ด้วยความไม่พอใจ ) ขึ้นมาทันควัน บอกผมว่า ท่านไม่ค่อยมั่นใจว่าสิ่งที่ผมพูด เป็นสิ่งที่กฎหมายกำหนดหรือเป็นสิ่งที่คอนโดกำหนดขึ้นเอง ผมก็ยืนยันว่ากฎหมายกำหนดแน่นอน ท่านก็ว่า งั้นขอสำเนากฎหมายที่ว่าให้ท่านหน่อย ท่านจะขอเอาเรื่องไปปรึกษากับทนายความของท่าน ผมก็ถ่ายสำเนาให้ตามความต้องการของท่าน

ผ่านไปประมาณซัก 2 อาทิตย์ ท่านก็มาพบกับผมด้วยท่าทีที่อ่อนโยนลง พร้อมกับบอกว่า ท่านได้ปรึกษาทนายความแล้ว ทนายบอกเป็นหน้าที่ ที่เจ้าของกรรมสิทธิ์ต้องจ่ายจริงๆ ( ผมคิดในใจ ก็จริงนะซิ ! ผมจะโกหกท่านทำไม ! ) แต่เรื่องค่าส่วนกลางที่ท่านค้าง จริงๆแล้วท่านพร้อมและมีกำลังที่จะจ่าย แต่ท่านไม่มีอะไรเป็นเครื่องการันตีว่า ห้องชุดของท่านจะได้รับการแก้ไขปัญหา ( คือท่านค้างชำระมานานก่อนที่ผมจะเข้ามารับงาน โดยเหตุผลที่ไม่มีใครดูแลแก้ไขปัญหาให้กับท่าน )

ผมบอกว่า เอาอย่างนี้ซิครับท่าน ให้ท่านทำหนังสือร้องเรียนเรื่องความเดือดร้อนของท่านไปที่คณะกรรมการฯ โดยผ่านมาที่ผม แล้วผมจะนำเรื่องเข้าเสนอที่ประชุมกรรมการฯให้ท่านเอง ส่วนเรื่องค่าส่วนกลางท่านก็ทยอยจ่ายมาก็ได้ เอาเป็นว่า 1 เดือนจ่าย 2 ยอด ชำระมาเรื่อยๆเดี๋ยวมันก็ทันกันเอง อย่าให้บัญชีนิ่งเงียบก็แล้วกัน แต่ที่สุดแล้วถ้าคอนโดแก้ไขปัญหาให้ท่านได้ ท่านต้องชำระยอดค้างทั้งหมดพร้อมค่าปรับตามเงื่อนไขนะครับ ท่านก็ตอบตกลง

แล้วหนังสือร้องเรียนเรื่องน้ำรั่วเข้าห้องก็มาถึงมือผม อ่านแล้วผมถึงกับอึ้งซึ้งใจบอกไม่ถูก เป็นการเขียนร้องเรียนปัญหา ที่ปะปนความคับข้อง อึดอัดใจ ที่ถูกสะสมมานาน โดยที่ท่านเป็นลูกครึ่งฝรั่งปนไทย ท่านพูดภาษาไทยได้ แต่ไม่ค่อยแข็งแรงนัก แบบฝรั่งพูดภาษาไทยโดยทั่วๆไป แต่เวลาท่านเขียนท่านเขียนมาเป็นภาอังกฤษ ผมก็แปลเป็นภาษาไทย แล้วก็บรรจุเข้าวาระการประชุมตามระเบียบ

เนื้อหาในจดหมายก็ประมาณว่า ข้าพเจ้าซื้อคอนโดห้องนี้เพื่อหวังว่าจะใช้เป็นที่พักผ่อนอย่างสงบ หลังกลับจากการทำงานที่เหน็ดเหนื่อย แต่กลับกลายเป็นว่ากลายเป็นห้องที่สร้างแต่ความโกลาหล วุ่นวาย เหนื่อยหน่ายให้กับข้าพเจ้าตลอดมา ท่านทั้งหลาย ( หมายถึงกรรมการฯ ) คงจะนึกภาพออกว่าการที่จะต้องพักอาศัยอยู่ในห้องที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำบริเวณพื้นห้อง ท่านจะมีความรู้สึกอย่างไร

บ่อยครั้งที่ข้าพเจ้าต้องตื่นขึ้นมากลางดึก เพื่อมาจัดการกับน้ำที่รั่วซึมเข้าห้องจากฝ้าเพดานทุกครั้งที่ฝนตก จนกลายเป็นคืนฝันร้ายของข้าพเจ้าไปเลย ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าต้องเดินทางไปทำงาน ( ขับเครื่องบิน ) แล้วพบสภาพพายุฝนฟ้าคะนอง ทำให้เกิดความรู้สึกกังวลถึงห้องพักของข้าพเจ้าเองว่า จะเกิดน้ำรั่วและความเสียหายอย่างไรบ้างเมื่อกลับถึงบ้าน ทำให้ข้าพเจ้าสูญเสียสมาธิในการทำงานเป็นอย่างมาก ( อันนี้น่าเป็นห่วงนะ ขับเครื่องบินแล้วไม่มีสมาธิ คิดแล้วเครียดแทนผู้โดยสารจัง )

ข้าพเจ้าจำไม่ได้ว่าได้เคยแจ้งให้ผู้จัดการคอนโดคนแล้วคนเล่า ได้รับทราบถึงปัญหาของข้าพเจ้าทั้งทางวาจาและทางหนังสือ แต่ก็ไม่มีใครทำอะไร ไม่ทำเลยจริงๆ ( นี่ถ้าเป็นแบบสำนวนไทยๆ ก็ต้องเติมคำว่า “ พับผ่าเถอะ “ ต่อท้ายด้วยอีกคำ ) จนเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า แทนที่จะมีคนเข้ามาดูแลแก้ไขปัญหาให้กับข้าพเจ้า ข้าพเจ้ากลับได้รับหนังสือทวงถามค่าใช้จ่ายส่วนกลางพร้อมกับการขู่ที่จะตัดน้ำของข้าพเจ้า อีกทั้งยังขู่จะนำเรื่องนี้ขึ้นฟ้องศาล เพื่อบังคับให้ข้าพเจ้าชำระ ( อันนี้ฝีมือผมเอง แต่ไม่ได้ขู่ เพียงแต่แจ้งมาตรการให้ทราบล่วงหน้าครับ )

จริงอยู่ที่การบังคับให้ข้าพเจ้าชำระเป็นสิทธิ์ของท่าน แต่ข้าพเจ้าเชื่อว่าท่านก็เป็นผู้ที่มีอำนาจที่จะผ่อนผันโดยการงดการเรียกเก็บค่าส่วนกลางจากห้องของข้าพเจ้า ตามเหตุผลที่ท่านทราบแล้วว่าข้าพเจ้าได้รับความเดือดร้อนจากการเพิกเฉยต่อการแก้ไขปัญหาของท่าน และก็เป็นสิทธิ์ของข้าพเจ้าเช่นกัน ที่จะนำกรณีนี้ขึ้นสู่ศาล จากการที่ท่านได้ขายห้องชุดที่มีสภาพต่ำกว่ามาตรฐานให้กับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าหวังว่าจะได้รับการพิจารณาจากท่าน

หลังจากนำเรื่องเข้าที่ประชุม คณะกรรมการก็มีมติให้จัดหาว่าจ้างช่างมาติดกันสาดด้านนอกอาคาร บริเวณดาดฟ้ามุมกระจกที่ว่า แทนที่จะจ้างช่างมาซ่อมแซมยิงซีลิโคนขอบกระจก โดยเหตุผลคือ งบประมาณมีจำกัด แล้วก็กว่าจะอนุมัติลงมือทำกันจริงๆ ก็ปลายปีหมดหน้าฝนพอดี พอต้นปีผมก็ได้รับคำสั่งย้ายไปดูแลคอนโดอื่น

แล้วก็พอเริ่มเข้าหน้าฝนของปีนี้ ผู้จัดการคนใหม่ของคอนโดหลังเดิมก็โทรมาสอบถามข้อมูลผม ว่าห้องชุดของท่านนักบินท่านนี้ มีที่มาที่ไปในการซ่อมอย่างไรบ้าง ผมก็เล่าให้ฟังพอสังเขปแล้วถามว่า โทรมาถามทำไม ผู้จัดการบอกผมว่า เมื่อ2คืนก่อนฝนตกหนัก น้ำรั่วเข้าห้องอีกแล้วครับท่าน น่าสงสารจริงๆ ( ฮือ ๆ )