Real estate & condomanager community

วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ลูกบ้านคอนโด : ลูกบ้านผู้สับสน

ผมพบลูกบ้านท่านนี้โดยเหตุของการทวงถามค่าส่วนกลางค้างชำระเช่นกันครับ ลูกบ้านท่านนี้เป็นกลุ่มที่ผมเรียกของผมเองว่า เป็นพวกมีปัญหา คือไม่มีปัญหาอย่างใดก็อย่างหนึ่งให้ผู้จัดการคอนโดต้องปวดหัวอยู่เนืองๆ ท่านผู้นี้เป็นสุภาพสตรีขออนุญาตใช้สรรพนามเรียกตามแนวถนัดของผมว่า “she” ก็แล้วกันครับ

โดยปกติคนที่ซื้อห้องชุดในคอนโดระดับยูนิตละเป็นล้านเพื่อใช้อยู่อาศัย ก็ต้องเป็นคนที่มีกำลังซื้อหรือกำลังใช้จ่ายพอสมควร ทีนี้เป็นธรรมดาของมนุษย์เราว่า เมื่อจ่ายไปแล้วก็ย่อมคาดหวังว่าจะได้รับสินค้าหรือบริการที่ดีสมกับเงินที่ควักกระเป๋าจ่ายออกไป แต่เผอิญคอนโดที่ She ผู้นี้มาซื้ออยู่และผมเข้ามาบริหารนั้น เป็นคอนโดที่มีปัญหาในตัวมันเอง อย่างที่ผมเคยเล่าให้ฟังตอนเจ้าของร่วมผู้ทรงอิทธิพลว่า เจ้าของโครงการเขาทำเสร็จตอนฟองสบู่แตกพอดี ทีนี้พอการซื้อขายมันไม่เป็นไปตามเป้าเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจ การเงินที่จะได้รับเพื่อมาสนับสนุนการบริหารจัดการคอนโดจากเจ้าของโครงการก็ได้รับผลกระทบตาม พอขาดงบประมาณที่จะมาพัฒนาปรับปรุงคอนโดก็เริ่มเสื่อมสภาพลงตามกาลเวลา

สภาพคอนโดตอนที่ผมเข้ามารับงานเชื่อหรือไม่ครับว่า งานระบบวิศวกรรมในอาคาร ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของคอนโดชำรุดหมด ระบบ Fire pump , Jockey pump ระบบ Fire alarm ระบบ อัดอากาศ ใช้งานไม่ได้เลย เจ้าของร่วมที่พักอาศัยในคอนโดไม่เคยรับรู้เลยว่า คอนโดที่ตัวเองฝากชีวิตไว้มีความเสี่ยงต่อความเป็นตึกนรกขนาดไหน แต่อย่างว่าแหละครับ การบริหารคอนโดจำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงมิติของความสงบสุขของชุมชนด้วย

ดังนั้น เรื่องงานระบบวิศวกรรมที่ Failed ทั้งหมดนี้ ผมกำชับเจ้าหน้าที่และพนักงานทุกระดับทุกฝ่ายให้เงียบที่สุดเท่าที่จะเงียบได้ เพราะผมเกรงว่าลูกบ้านรู้มากรายเข้าจะกลายเป็นความแตกตื่นเกินไป ต่อมาผมก็ได้มีการนำเสนองบประมาณซ่อมแซมฟื้นฟูระบบที่ว่าทั้งหมด ให้กลับมาใช้งานได้ดังเดิม ซึ่งต้องใช้เงินร่วมล้านบาทเหมือนกัน ซึ่งสุดท้ายแล้วคณะกรรมการคอนโดก็นำงบประมาณเข้าที่ประชุมใหญ่เจ้าของร่วม เพื่อเรียกเก็บเงินเพิ่มตามอัตราส่วนกรรมสิทธิ์ กว่าจะเก็บได้ครบก็ไม่ทราบว่าเมื่อไรจะได้ซ่อมซะที

คอนโดหลังที่ว่านี้ มีลิฟต์โดยสารทั้งหมด 6 ตัว จอดตายสนิท 1 ตัว ผมถามช่างเก่าแก่ของอาคารว่า ทำไมไม่ทำเรื่องขอซ่อมแซมฟื้นฟูให้มันกลับมาใช้ได้เหมือนเดิม ช่างเขาบอกว่า ทีมบริหารชุดเก่าๆ เคยขออนุมัติแล้วไม่เคยผ่าน เพราะต้องใช้งบเป็นล้าน ผมถามมันเสียอะไรกันนักหนา ถึงต้องซ่อมเป็นล้าน ช่างบอกว่า ตอนแรกเสียไม่เยอะหรอกครับ แต่ไม่มีเงินซ่อม พอตอนหลังลิฟต์ตัวอื่นๆเสียไม่มีเงินซ่อมก็เลยถอดอะไหล่จากลิฟต์ตัวนี้ ไปซ่อมตัวอื่นๆ จนในที่สุดอะไหล่ก็ค่อยๆถูกถอดไปทีละชิ้นสองชิ้น จนตัวที่เสียตัวแรก เดี้ยงสนิทอยู่ทุกวันนี้ เวรกรรม !

ที่ผมเกริ่นซะยืดยาวก็เพราะจะนำเข้าสู่เรื่องของ she ผู้นี้แหละครับ พอผมมีหนังสือทวงถามค่าใช้จ่ายส่วนกลางครั้งที่ 1 ไปถึง she ได้รับปุ๊บ she ก็โทรมาปั๊บ ( she อ้างว่า ) เหตุหนึ่งที่ she ไม่ยอมจ่ายค่าส่วนกลางก็เพราะ คอนโดคุณไม่ได้เรื่อง ไม่ได้มาตรฐาน ตึกที่ฉันอยู่ลิฟต์เสียมาเป็นปีๆ ไม่ยอมซ่อมซักที ( คือลิฟต์ตัวที่ เดี้ยงสนิทนั่นแหละครับ ) แถมลิฟต์ตัวที่ใช้ได้ก็มืดมาก ออกแบบตกแต่งภายในลิฟต์ได้แย่มาก ไม่มีรสนิยมเลย มืดๆ ทึมๆ แถมสกปรกมาก ฉันเลิกงานกลับบ้านมาดึกๆ แทบไม่อยากเข้าลิฟต์เลย มีแต่เศษกระดาษ ห่อขนมลูกอมเต็มไปหมด แถมบางคืนก็มีก้นบุหรี่ทิ้งในลิฟต์ด้วย แต่ไม่เข้าก็ไม่ได้เพราะถ้าไม่ใช้ลิฟต์ ฉันก็ไม่รู้จะขึ้นห้องมาได้อย่างไรตั้งสิบกว่าชั้น

ขยะก็เหม็นมาก กลิ่นมันโชยขึ้นมาถึงชั้นที่ฉันอยู่ ( คือคอนโดหลังนี้เป็นรุ่นเก่าที่ออกแบบให้มีช่องทิ้งขยะ ทิ้งจากแต่ละชั้นแล้วมากองรวมกันที่ห้องขยะชั้นล่างสุด ในรอบสัปดาห์ กทม. ก็จะเข้ามาเก็บ 2 – 3 ครั้ง ระหว่างรอรถมาเก็บ กลิ่นขยะก็อาจโชยขึ้นไปทางปล่องทิ้งขยะ) คุณทำไมไม่ออกระเบียบบังคับให้ลูกบ้านแยกขยะก่อนทิ้ง อย่างฉันนี่นะ ไม่ต้องให้ใครมาบังคับฉัน ฉันก็ทำด้วยจิตสำนึกของฉันเอง แยกขยะเปียกขยะแห้งก่อนทิ้ง แล้วฉันก็ไม่เคยเอาขยะเปียกทิ้งลงในปล่องขยะ เพราะทิ้งลงไปมันก็จะแตก เป็นภาระให้แม่บ้านต้องตามเก็บกวาดอีก ฉันหิ้วไปทิ้งที่ถังขยะลานจอดรถโน่นแหนะ แม่บ้านคุณก็มาเก็บจากจุดนั้นไปรวบรวมทิ้งอีกที

แม่บ้านคอนโดของคุณก็ทำงานไม่ได้เรื่อง ทำความสะอาดเหมือนไม่ได้ทำ โถงลิฟต์หน้าห้องชั้นที่ฉันอยู่ คุณไปถามแม่บ้านคอนโดคุณได้เลยว่า ฉันไม่เคยอนุญาตให้แม่บ้านของคุณมาทำ ฉันให้แม่บ้านส่วนตัวของฉันทำมาตลอด แล้วถ้าคุณว่างๆ ก็ลองขึ้นมาดูได้เลยว่า แม่บ้านคุณกับแม่บ้านของฉันคุณภาพแตกต่างกันขนาดไหน แล้วคุณคิดดูนะ ผลงานขนาดนี้แล้วแม่บ้านคุณยังมาเจรจาขอรับจ๊อบทำความสะอาดห้องฉัน ฉันจะกล้าให้ทำได้อย่างไร คุณไปปรับปรุงสิ่งที่ฉันพูดมาทั้งหมดก่อน แล้วค่อยมาคุยเรื่องค่าส่วนกลางกับฉัน

เป็นไงครับท่านผู้ชม แค่ฟังก็ปวดหัวจี๊ดแล้วครับ ตกลงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในคอนโดหลังนี้ she ไม่เคยพึงพอใจอะไรซักอย่างเลยหรือไร ผมก็ตอบไปว่า ครับๆ แล้วผมจะปรับปรุงแก้ไขให้

ทีนี้โดยหน้าที่ของผู้จัดการคอนโด เมื่อมีลูกบ้านแนะนำติชมร้องเรียนให้ข้อมูลมา เราก็ต้องพยายามแก้ไขปรับปรุงให้ดีที่สุดเท่าที่กำลังความสามารถและปัจจัยแวดล้อมจะสนับสนุน เรื่องกลิ่นขยะผมปิดประกาศขอความร่วมมือให้ลูกบ้านแยกขยะ แต่ก็ไม่คาดหวังอะไรมาก เพราะจะไปบังคับไม่ได้ แล้วก็ให้แม่บ้านคอนโดโกยขยะทุกวัน ( หมายถึงเก็บขยะในห้องพักขยะใส่ถุงดำแล้วมัดปากถุงทุกวันระหว่างรอ กทม. มาเก็บ เพื่อป้องกันกลิ่นโชยย้อนขึ้นไปตามปล่องขยะ ) ส่วนการล้างทำความสะอาดห้องขยะ แม่บ้านเขาก็ทำของเขาเป็นปกติสัปดาห์ละครั้งอยู่แล้ว

เรื่องเศษกระดาษและก้นบุหรี่ในลิฟต์ เป็นข้อจำกัดอย่างหนึ่งก็คือแม่บ้านเข้างาน 7 โมงเช้า แล้วเลิก 4 โมงเย็น พอหลังสี่โมงเย็นก็ไม่มีคนคอยดูแลลิฟต์ เด็กๆ หรือผู้ใหญ่ที่มักง่ายบางท่านก็ทิ้งก้นบุหรี่ไว้ในลิฟต์อย่างที่ว่า พอshe เลิกงานกลับมาดึก ๆ ก็เลยเห็นสภาพลิฟต์เป็นแบบนั้น ผมก็เลยให้แม่บ้านเอาถังขยะชนิดที่มีถาดใส่ทรายสำหรับดับก้นบุหรี่อยู่ด้านบนมาวางไว้หน้าลิฟต์ เพื่อให้ลูกบ้านใช้ทิ้งเศษกระดาษและดับบุหรี่ก่อนเข้าลิฟต์ พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ รปภ. ประจำจุดหน้าลิฟต์ ให้ช่วยเตือนลูกบ้านที่สูบบุหรี่ด้วยว่า กรุณาดับบุหรี่ก่อนเข้าลิฟต์

ส่วนเรื่องการออกแบบตกแต่งภายในลิฟต์ ที่มืดๆ ทึมๆ อย่างที่ she คอมเพลนมา ผมก็นั่งคิดด้วยความจนด้วยเกล้าว่า ผมจะไปทำอะไรได้ ก็เจ้าของโครงการเขาออกแบบตกแต่งแล้วส่งมอบมาในสภาพแบบนั้น ถ้าผมจะขออนุมัติงบจากคณะกรรมการ เพื่อมาปรับปรุงหน้าตาลิฟต์ รับรองได้เลยว่า ไม่ผ่าน เพราะเงินไม่ค่อยมี เก็บไว้จ่ายเงินเดือนพนักงานดีกว่า ส่วนลิฟต์ตัวที่เดี้ยงก็เคยคุยกันในที่ประชุมกรรมการแล้วว่า คน( ลูกบ้าน ) ยังอยู่ไม่เยอะ ลิฟต์ที่ใช้ได้อีกสองตัวก็น่าจะพอบริการลูกบ้านตึกโน้นได้อยู่ ( มี 2 อาคาร อาคารละ 3 ตัว )

หลังจากผ่านไปประมาณ 1 เดือน She ก็ทำตามอย่างที่พูดคือไม่ยอมจ่าย ผมก็ออกหนังสือทวงถามครั้งที่ 2 พอได้รับปุ๊บ she ก็โทรมาปั๊บ ไม่พอใจที่ได้รับหนังสือทวงถามครั้งที่ 2 พร้อมกับพูดว่า สิ่งที่ฉันพูดกับคุณเมื่อเดือนที่แล้ว ฉันไม่เห็นคุณทำหรือแก้ไขอะไรซักอย่าง แล้วยังมีหน้ามาทวงฉันอีก แล้วก็ คอมเพลน เรื่องเก่าๆ เดิมๆ เหมือนแผ่นเสียงตกร่องยังไงยังงั้น ผมพยายามชี้แจงว่าว่า ผมได้ปรับปรุงอะไรไปบ้าง she บอกว่า ปรับปรุงอะไร ฉันก็เห็นทุกอย่างมันเหมือนเดิม ลิฟต์ก็ยังมืดๆ ทึมๆ อยู่ ลิฟต์ตัวที่เสียมาเป็นชาติแล้วก็ไม่รู้จักซ่อมให้มันใช้ได้ซักที

ผมก็ตอบว่า มันเป็นหน้าที่ที่ผมต้องทำ มันเป็นมติของที่ประชุมกรรมการ คุณพี่หรือใครไม่จ่ายผมก็ต้องออกหนังสือฉบับที่สองตามขั้นตอน แล้วผมก็ขอเรียนคุณพี่ให้ทราบไว้เลยว่า ข้อบังคับของคอนโดให้ตัดน้ำ ถ้าคุณพี่ค้าง 3 งวด she บอกว่า คุณแน่จริง คุณก็ลองตัดดูซิ คุณตัดเมื่อไร ฉันจะแจ้งความ ผมบอกไม่ต้องลองหรอกครับคุณพี่ ถ้าเดือนหน้าคุณพี่ไม่จ่ายผมมีความจำเป็นต้องตัดจริงๆ she บอกว่า ได้ แล้วฉันจะคอยดู แล้วก็วางสายไป

แล้วเดือนที่ 3 ก็มาถึง พอได้รับหนังสือทวงถามปุ๊บ she ก็โทรมาอีกตามเคย แล้วก็ คอมเพลนเรื่องเก่าๆ เดิมๆ แบบแผ่นเสียงตกร่องเหมือนเดิม แต่รอบนี้ผมเห็นว่าเป็นรอบ final แล้ว เพราะถ้าไม่จ่ายจริงๆ ผมมีความจำเป็นต้องตัดน้ำจริงๆ แล้วก็ไม่ใช่ห้องคุณพี่เขาห้องเดียว มีค้างแบบนี้อีกเป็น 20 –30 ห้อง ผมเองไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำอะไรมากมาย ใจจริงผมถ้าเลี่ยงได้ ผมอยากให้การตัดน้ำเป็นทางเลือกสุดท้ายมากว่า

แต่สำหรับ she ท่านนี้ ผมดูพฤติกรรมการดำเนินชีวิตแล้ว she ไม่ได้อัตคัดขัดสนแต่ประการใด she มีธุรกิจห้องอาหาร มีคอนโดอีกที่หนึ่ง ( อันนี้ทราบจากปากของ she เอง เวลา she คอมเพลน she ชอบเอาเรื่องห้องอาหารของ she กับคอนโดอีกที่ที่ว่า มาเปรียบเทียบกับคอนโดที่ผมดูแล ทำนองว่า ห้องอาหารของ she มีระบบการจัดการขยะที่ดีกว่า ไม่มีกลิ่นตกค้าง คอนโดอีกที่ของ she ลิฟต์ก็ดีกว่า สวยกว่า อะไรประมาณนั้น ) แล้ว she ก็มีคนขับรถส่วนตัวด้วย ค่าส่วนกลางแค่เดือนละพันกว่าบาท ทำไม she ถึงงอแง บ่ายเบี่ยงมาตลอด ผมต้องค้นหาแรงจูงใจของ she นานพอสมควรทีเดียวกว่าจะเข้าใจ แล้วเดี๋ยวจะเฉลยในตอนท้ายนะครับ

ทีนี้พอผมเห็นว่า เป็นการทวงถามครั้งสุดท้ายก่อนตัดน้ำ โดยที่ผมเองก็ไม่อยากตัดน้ำของใคร นึกถึงความเดือดร้อนเวลาอยู่บ้านแล้วไม่มีน้ำใช้ ความรู้สึกคงไม่ต่างกัน ผมก็พยายามชี้แจงปัญหาทุกอย่างที่ she คอมเพลนว่า บางสิ่งบางอย่างก็เกินความสามารถของผมที่จะแก้ได้ คุณพี่ก็ต้องเข้าใจผมบ้าง อย่างเรื่องกลิ่นขยะผมได้ทำอะไรไปบ้างแล้ว ลูกบ้านที่อยู่ชั้นใกล้ๆกับคุณพี่ ทั้งชั้นล่างและชั้นบนของชั้นคุณพี่ ก็ไม่เห็นมีใครคอมเพลนเหมือนคุณพี่เลยซักคน she บอกว่า คุณรู้ได้อย่างไรว่าเพื่อนบ้านฉันเขาไม่คอมเพลน เขาไม่คอมเพลนกับคุณแต่เขามาคอมเพลนกับฉัน ทั้งเรื่องลิฟต์หรือเรื่องอะไรก็แล้วแต่ เจอฉันทีไรเขาก็มาบ่นว่าเสียดายและเสียใจที่มาซื้อคอนโดโครงการนี้

ผมคิดในใจว่า แบบนี้มันบ้าชัดๆ คุณถูๆไถๆ ไปได้ทุกเรื่อง เพื่อนบ้านคุณเขาจะไปคอมเพลนกับคุณเพื่ออะไร คอมเพลนกับคุณแล้วคุณจะช่วยแก้ปัญหาอะไรให้เขาได้ คุณไม่ได้เป็นฝ่ายจัดการ คุณก็เป็นลูกบ้านท่านหนึ่งเหมือนกัน แล้วผมก็มีคติส่วนตัวของผมว่า พึงเอาชนะคนดีด้วยการปฏิบัติต่อเขาด้วยสิ่งที่ดีกว่า พึงเอาชนะคนเลวด้วยการปฏิบัติต่อเขาด้วยสิ่งที่เลวกว่า เพราะฉะนั้น การจะเอาชนะคนบ้าได้ เราก็ต้องกล้าทำในสิ่งที่บ้ากว่าเช่นกัน

ผมสวนเลยครับว่า สิ่งที่คุณพี่พูดจะจริงหรือเท็จผมไม่ทราบได้ เพราะเพื่อนบ้านคุณพี่เขาไปคอมเพลนกับคุณพี่ ไม่ได้มาคอมเพลนกับผม แต่สิ่งหนึ่งที่ผมกล้ายืนยันกับคุณพี่ได้เลยว่าเป็นความจริงคือ เพื่อนบ้านคุณพี่ทั้งชั้นล่าง ชั้นบน และชั้นเดียวกัน เขาจ่ายค่าส่วนกลางกันทุกห้อง ยกเว้นห้องคุณพี่ห้องเดียวนี่แหละที่ไม่เคยจ่ายเลยมาเป็นปีแล้ว ถ้าผมแก้ปัญหาเรื่องกลิ่นขยะให้คุณพี่ไม่ได้ ผมก็ยอมรับว่าเป็นการทำหน้าที่ที่บกพร่องของผม ถ้าคุณพี่เดือดร้อน เพื่อนบ้านของคุณพี่เขาก็ต้องเดือดร้อนด้วยเช่นกัน แต่สิ่งที่แตกต่างกันก็คือเพื่อนบ้านของคุณพี่เขาไม่เคยบกพร่องต่อการทำหน้าที่ของเจ้าของร่วมที่ดีเลยซักคน

แล้วเรื่องลิฟต์ก็เหมือนกัน การตกแต่งภายในลิฟต์ที่เป็นอย่างที่คุณพี่เห็น มันเป็นสภาพที่เจ้าของโครงการเขาตกแต่งแล้วส่งมอบมา ผมมารับงานที่นี่ก็เห็นมันเป็นแบบนี้แล้ว จะให้ผมทำอย่างไร ผมเคยเสนอกรรมการเพื่อเอางบมาปรับปรุงเขาก็ไม่อนุมัติ เพราะคอนโดไม่ค่อยมีเงิน ส่วนเรื่องลิฟต์ตัวที่เสีย ต้องใช้เงินซ่อมเป็นล้าน แต่คอนโดเรามีเจ้าของร่วมอย่างคุณพี่ ค้างค่าส่วนกลางรวมกันร่วมสองล้านกว่าบาท ถ้าคุณพี่ไม่ให้ความร่วมมือในการจ่าย คอนโดก็คงไม่มีกำลังที่จะซ่อมได้หรอกครับ

She ย้อนกลับว่า ที่ลูกบ้านเขาไม่อยากจ่ายเพราะเขารู้ว่าจ่ายไปแล้วก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เขาจะจ่ายไปเพื่ออะไร แล้วยิ่งสภาพลิฟต์คุณเป็นแบบนี้นะ อย่าหวังเลยว่าฉันจะจ่าย ผมถามกลับว่า เอาแบบนี้ดีไหมครับคุณพี่ ผมเห็นว่าค่าส่วนกลางที่คุณพี่จะต้องจ่ายให้คอนโด มันก็แค่เดือนละพันกว่าบาท แล้วยอดเงินที่คุณพี่ค้างมาเป็นปีมันก็รวมๆกันก็ประมาณหมื่นกว่าบาทนิดหน่อย เงินจำนวนแค่นี้มันไม่พอที่จะเอามาปรับปรุงลิฟต์ให้ดี ให้สวยงามอย่างที่คุณพี่ต้องการได้หรอกครับ ถ้าคุณพี่ต้องการให้ลิฟต์สวยสมดั่งใจแล้วละก็ ผมเสนอให้คุณพี่ซื้อลิฟต์ของคอนโดตัวที่เสียแล้วเอาไปซ่อมใช้เป็นลิฟต์ส่วนตัวเลยดีมั๊ยครับ ผมบอกราคาคุณพี่คร่าวๆเลยก็ได้ว่า ถ้ารวมค่าซ่อมแล้วก็คงไม่เกินสองล้านห้าครับ

She สวนทันทีว่า ถ้าฉันซื้อแล้วคนอื่นไม่มาใช้ของฉันก็โอเคซิ ผมบอก อันนี้แน่นอนครับ ผมจะส่งมอบกุญแจให้คุณพี่ 1 ชุด ให้คุณพี่ไปควบคุมดูแลเปิดปิดเองได้ตามใจเลยครับ แต่คุณพี่ต้องจ่ายค่าไฟฟ้าให้คอนโดนะครับ ผมคิดแค่หน่วยละ 5 บาทเอง ค่าดูแลรักษาพี่ก็ไปทำสัญญาจ้างบริษัทติดตั้งลิฟต์เขาดูแลให้ แบบไม่รวมอะไหล่ตัวเดียวก็ไม่น่าจะเกินปีละห้าหมื่นนะผมว่า

She เงียบไปซักพักแล้วพูดว่า คุณอย่ามาพูดแบบนี้กับฉันซิ เพราะเรื่องที่คุณพูดมันเป็นไปไม่ได้ ฉันจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อลิฟต์ราคาเป็นล้านสองล้าน ผมบอกว่า คอนโดก็เหมือนกันครับ ไม่มีเงินเป็นล้านสองล้านมาซ่อมลิฟต์เหมือนกันครับ ผมขอให้คุณพี่ชำระมาบ้างอย่าเงียบหายไป เพราะบัญชีลูกหนี้เคลื่อนไหวของคุณพี่มันนิ่งสนิทมาเป็นปีแล้ว เงินเพิ่ม (ค่าปรับ) 12% ตามกฎหมายใหม่ก็เริ่มมีผลบังคับใช้แล้ว ถ้าคุณพี่ค้างเกินหกเดือนคุณพี่ต้องเสียเงินเพิ่ม 20% แล้วส่งเรื่องฟ้องศาลบังคับชำระหนี้ด้วยนะครับ she บอกว่า คุณลองฟ้องดูซิ คุณฟ้องฉันเมื่อไหร่ ฉันก็จะฟ้อง สคบ. เหมือนกัน ว่าคอนโดคุณหลอกลวงผู้บริโภค ลิฟต์ก็มีไม่ครบ ระบบป้องกันไฟไหม้ก็ไม่มี คุณไม่ต้องมาขู่ฉันหรอก ฉันไม่เคยกลัวพวกคุณเลย สามีฉันมีเพื่อนเป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในกรมตำรวจ ฉันจะขอความช่วยเหลือเมื่อไรก็ได้

ผมก็บอกว่า ผมไม่ได้ขู่ แต่ผมแจ้งขั้นตอนของกฎหมายคอนโดให้คุณพี่รับทราบ และสิ่งที่ผมได้ดำเนินการกับคุณพี่มาตลอดระยะเวลา 2 – 3 เดือนที่ผ่านมา เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบข้อบังคับของคอนโดทุกประการ เพราะฉะนั้นกลางเดือนนี้ ถ้าครบรอบบัญชีแล้วคุณพี่ยังไม่มาจ่าย ผมก็จะระงับจ่ายน้ำห้องคุณพี่นะครับ ผมแจ้งให้คุณพี่ทราบเท่านี้แหละครับ สวัสดีครับ แล้วผมก็วางสายไป

แล้วผมก็ทำประกาศแจ้งเป็นครั้งสุดท้ายว่า มีห้องชุดใดบ้างที่จะต้องโดนระงับการจ่ายน้ำกลางเดือนนี้ ซึ่งก็มีห้องของคุณพี่ที่ว่านี้ด้วย หลังจากนั้นประมาณ1 สัปดาห์ก่อนครบกำหนด she ก็ให้คนขับรถเอาเงินมาจ่ายสามพันบาท พร้อมฝากคนขับรถมาบอกว่า จะจ่ายให้แค่เดือนละสามพันบาท จนกว่าอะไรหลายๆอย่างจะได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้น ( ยังไม่วายออกฤทธิ์ )

หลังจากนั้นประมาณซัก 2 –3 เดือน she ก็แจ้งลงมาว่าน้ำรั่วเข้าห้อง ผมก็รับเรื่องแล้วนัดหมายบริษัทประกันพร้อมช่างเข้ามาสำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อแจ้งเคลมไปตามขั้นตอน นั่นเป็นครั้งแรกทีผมกับ she ได้พบเจอตัวจริงซึ่งกันและกัน หลังจากปะทะกันทางโทรศัพท์มาหลายยก ผมก็แสดงความจริงใจในการบริการให้ she อย่างเต็มที่ครับ เพราะมันเป็นหน้าที่

พอเสร็จเรียบร้อยก่อนจากกัน she ก็บอกว่า นี่คุณผู้จัดการ ห้องข้างๆฉันที่มันว่างๆ ไม่มีคนอยู่เนียะ เวลากลางคืนฝนตกลมแรงประตูมันโดนลมตี เสียงดังตึงๆตังๆ ฉันหนวกหูมาก นอนไม่หลับเลย สงสัยเจ้าของห้องเขาลืมปิดหน้าต่าง ผมบอกครับ เดี๋ยวจะตรวจสอบหาเจ้าของห้องแล้วแจ้งให้มาปิดให้เรียบร้อย she ทำหน้าไม่ค่อยพอใจ แล้วบอกว่า ทำไมต้องรอเจ้าของห้อง คุณเป็นนิติ คุณเป็นเจ้าของอาคาร คุณก็ต้องมีสิทธิ์ดำเนินการซิ ผมได้ยินประโยคนี้ปุ๊บ ผม get ทันทีครับ ว่าแรงจูงใจของ she คืออะไร

ทั้งหมดทั้งมวลที่เกิดขึ้น หมายถึงที่ she คอมเพลนโน่น นี่ นั่น ตลอดมา แล้วดูเหมือนเธอจะใช้สิ่งที่คอมเพลนเป็นเงื่อนไขในการไม่จ่ายค่าส่วนกลาง และก็คาดหวังว่าจะให้มันดีขึ้นตามที่she ต้องการ เป็นเพราะsheสับสนครับ she สับสนว่า นิติบุคคลอาคารชุดคือเจ้าของโครงการครับ she เข้าใจว่า นิติบุคคลคือแผนกหนึ่งของบริษัทเจ้าของโครงการ she ถึงพูดกับผมว่าเสียดายเงินและเสียใจที่ซื้อห้องชุดคอนโดหลังนี้ she ถึงคิดจะเอาเรื่องลิฟต์ไม่ครบไปฟ้อง สคบ. เพราะคิดว่าลิฟต์เป็นของเจ้าของโครงการ แล้วเหมือนที่ she กับผมรู้ก็คือ ห้องข้างๆ she ที่ไม่มีคนอยู่แล้วไม่ปิดหน้าต่างลมพัดประตูดังนั้น เป็นห้องว่างของเจ้าของโครงการที่ขายไม่ออก she ถึงพูดว่า คุณเป็นนิติ เป็นเจ้าของอาคาร ต้องมีสิทธิ์ดำเนินการ คือเข้าไปปิดหน้าต่างห้องที่ว่า

ผมต้องชี้แจงว่า มันเป็นห้องของใครไม่ทราบ เหมือนห้องคุณพี่ ถ้าสมมุติว่าคุณพี่ไปต่างจังหวัดแล้วลืมปิดหน้าต่าง ลมตีประตูเสียงดัง แล้วผมเปิดห้องคุณพี่เข้ามาโดยพลการคุณพี่คงรู้สึกไม่ดีแน่นอน

คล้ายกับลูกบ้านอีกราย เป็นสุภาพสตรีเหมือนกัน she มาจ่ายค่าส่วนกลางประจำงวด ผมเลยลองสอบถามดูว่าถ้าจะปรับเพิ่มค่าส่วนกลางจากเดิมเท่านี้ เป็นเท่านี้ คุณพี่มีความคิดเห็นอย่างไร she ตอบเลยว่า ขอให้คุณปรับปรุงให้ดีก่อนเถอะแล้วค่อยมาเพิ่ม คุณพี่จะให้ปรับปรุงอะไรบ้างครับ she บอกเอาแค่สระว่ายน้ำ คุณทำให้มันใสสะอาดกว่านี้ได้ซะก่อน ทุกวันนี้พี่บอกคุณตรงๆว่า พี่ไม่กล้าว่ายน้ำในสระของคุณเพราะไม่มั่นใจเรื่องความสะอาด พี่ต้องไปว่ายที่คอนโดของลูกพี่ที่อื่น เห็นปุ๊บมั่นใจเลยว่ากล้าลงไปว่าย

ผมบอกว่าเรื่องนี้ผมยินดีปรับปรุงให้เพราะไม่ได้ยากเกินไป แต่มีทรัพย์สินส่วนกลางอีกหลายรายการที่ชำรุดต้องซ่อมใหญ่ ต้องเก็บเงินเพิ่มแล้วมาช่วยแชร์กัน she บอกว่า พวกคุณก็ซ่อมไปซิ ถ้าพี่เห็นว่าดีขึ้นพี่ก็ยินดีที่จะจ่าย ผมถามว่า คุณพี่คิดว่าไก่กับไข่อันไหนเกิดก่อนกันครับ ถ้าคุณพี่ไม่เพิ่มเงินให้ผม แล้วผมจะเอาเงินที่ไหนมาซ่อมให้คุณพี่ละครับ she ตอบว่า ทรัพย์สินส่วนกลางก็เป็นของคุณ คุณจะซ่อมก็ซ่อมไป หน้าที่ของพวกคุณก็คือต้องทำให้มันใช้งานได้ดีเหมือนเดิมอยู่แล้ว ทำไมต้องมาเก็บเงินพี่ด้วยล่ะ

ฟังแล้วผมไปต่อไม่เป็นเลยครับ รู้สึกสับสนไปหมดครับ ไม่ทราบจะตอบพี่ท่านว่าอย่างไรดี

ไม่มีความคิดเห็น: