หลังจากนั้น she กับผมก็ไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกนาน ลืมบอกท่านไปอย่างนึงว่า she ที่ผมเล่าถึงอยู่นี้ She เป็นผู้เช่านะครับ ไม่ใช่เจ้าของร่วม แต่โดยหน้าที่ของผู้จัดการคอนโด เราจะมานั่งแบ่งแยกไม่ได้ว่า คนนี้เป็นเจ้าของร่วมต้องดูแลให้ดีหน่อย คนนี้เป็นผู้เช่า ไม่ต้องไปใส่ใจมากก็ได้ แบบนี้ไม่ได้ เราถือว่าไม่ว่าจะเป็นผู้เช่าหรือเจ้าของร่วม ผู้จัดการคอนโดต้องดูแลอย่างเท่าเทียมกัน เพราะบุคคลทั้งสองกลุ่มอาจจะมีสถานะต่างกันในเชิงของความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ อาจจะมีสิทธิ์มีเสียงหรือส่วนร่วมในการลงมติต่างๆ ไม่เหมือนกัน แต่เหมือนกันตรงที่เป็นลูกบ้านอยู่ในคอนโดเดียวกัน ต้องปฏิบัติภายใต้กฎระเบียบข้อบังคับเดียวกัน ดังนั้น ก็ควรได้รับการดูแลและได้รับการบริการภายใต้มาตรฐานเดียวกัน
กับ she ท่านผู้นี้ก็เหมือนกัน ผมไม่เคยคิดว่า she เป็นผู้เช่าแล้วจะมาตั้งเงื่อนไข เพื่อปฏิเสธหรือให้บริการที่แตกต่างจากเจ้าของร่วม ดังนั้น เมื่อวันหนึ่งมาถึง she ก็โทรลงมาที่สำนักงานคอนโด เผอิญผู้ช่วยผมเป็นคนรับสาย she โทรลงมาบอกว่า ขอให้ช่วยส่งช่างขึ้นมาดูที่ระเบียงห้องของ she หน่อย เพราะมันมีรอยเหมือนน้ำรั่วออกมาจากผนังระเบียงห้อง ผู้ช่วยผม ( เขามีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้จัดการอาคาร ซึ่งดูแลรับผิดชอบงานทางด้านอาคาร ( building management ) คืองานวิศวกรรมและงานความสะอาด ฯลฯ ) ก็ขึ้นไปดูพร้อมกับหัวหน้าช่างอาคาร
ผลก็คือมีน้ำรั่วซึมออกมาจากแนวก่ออิฐฉาบปูนที่พื้นระเบียงห้อง คือมีการต่อเติม โดยเดินท่อน้ำจากห้องน้ำออกมาสำหรับทำความสะอาดบริเวณระเบียงห้อง แล้วก็ก่ออิฐฉาบปูนปูกระเบื้องทับท่อน้ำเพื่อให้ดูกลมกลืนกับกระเบื้องของระเบียง ทีนี้ช่างที่ทำไว้อาจจะบกพร่องอย่างไรไม่ทราบ น้ำจากท่อที่ว่าก็รั่วซึมออกมาจากแนวก่ออิฐฉาบปูน อันนี้เป็นการต่อเติมเพิ่มขึ้นมา อาจจะโดยเจ้าของห้องหรือผู้เช่าก็แล้วแต่ ประเด็นคืองานลักษณะนี้โดยสภาพของมันเองไม่มีความเกี่ยวข้องกับระบบวิศวกรรมของอาคาร เพราะเขาต่อเติมเพิ่มขึ้นมาใช้ประโยชน์ภายในห้องชุดของเขาเอง นั่นคือประการแรก
ประการต่อมาก็คือ คอนโดที่ผมดูแลเคยประกาศให้ลูกบ้านทราบแล้วว่า ช่างอาคารไม่มีหน้าที่ซ่อมแซมทรัพย์สินส่วนบุคคลภายในห้องชุด แต่ถ้าจะจ้างเป็นการส่วนตัวนอกเวลางานก็ไปคุยกันเอง ประการสุดท้ายคือวันที่เกิดเหตุเป็นวันศุกร์ คอนโดก็มีระเบียบห้ามทำงานตกแต่งหรือซ่อมแซมภายในห้องชุดในวันเสาร์ - อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เพื่อป้องกันเสียงหรือกลิ่นที่เกิดจากการทำงานรบกวนลูกบ้านท่านอื่น ที่ต้องการพักผ่อนในวันหยุด ทั้งสามปัจจัยที่ว่านี่แหละครับทำให้ she กับผมต้องเกิดการปะทะกันในยกที่ 2
หลังจากที่ผู้ช่วยฯและหัวหน้าช่างดูอาการเสร็จกำลังเดินทางกลับลงมาจากห้องของ she ยังไม่ถึงสำนักงานด้วยซ้ำไป ตอนนั้นประมาณ 4 - 5 โมงเย็นได้แล้ว she ก็โทรลงมาที่สำนักงานซึ่งผมอยู่รับสายพอดี โดยที่ผมยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น เรื่องเป็นอย่างไรมาอย่างไร พอ she บอกว่า พี่ต้องการให้ช่างขึ้นมาซ่อมท่อน้ำรั่วในห้องพี่พรุ่งนี้ ผมก็ต้องตอบไปตามหลักการกว้างๆว่า ปกติช่างอาคารจะไม่ซ่อมทรัพย์สินส่วนตัวของลูกบ้านในห้องนะครับ แต่ถ้าคุณพี่จะจ้างเป็นการส่วนตัวก็คงต้องคุยเรื่องค่าตอบแทนกันเอง แล้วก็วันเสาร์ - อาทิตย์คอนโดไม่อนุญาตให้ทำงานตกแต่งซ่อมแซมนะครับ เพราะจะรบกวนลูกบ้านท่านอื่นครับ
อาจจะเป็นโดยที่ she ยังอารมณ์ค้างจากเรื่อง ASTV อยู่หรือไงไม่ทราบได้ พอได้ยินแค่นั้น she ก็ขึ้นเสียงเลยครับ ฉันไม่เคยใช้งานใครฟรีอยู่แล้ว คุณถามหัวหน้าช่างอาคารดูได้เลยว่าฉันเรียกใช้งานเขาทุกครั้ง ฉันก็ให้ค่าตอบแทนเขาทุกครั้ง แล้วถ้าคุณไม่ให้ฉันทำวันเสาร์ - อาทิตย์ จะให้ฉันไปทำวันไหน วันธรรมดาฉันก็ต้องทำงาน ฉันก็ต้องทำมาหากินเหมือนกัน พอดีจังหวะที่ผมกำลังฟัง she ระเบิดอารมณ์อยู่ หัวหน้าช่างกับผู้ช่วยฯ ก็เดินเข้ามาถึง ออฟฟิศพอดี ผมก็เลยบอก she ว่า เดี๋ยวผมขอคุยรายละเอียดกับช่างก่อนนะครับ ได้ความว่าไงจะโทรขึ้นไปบอก
พอเข้าใจเรื่องราวผมก็ถามหัวหน้าช่างว่า คุณจะรับจ๊อบนี้หรือเปล่า หรือถ้าคุณไม่รับจะให้ลูกทีมคุณรับก็ได้ แต่ขอให้นัดหมายเป็นวันอื่น อย่าให้เป็นเสาร์ - อาทิตย์ หัวหน้าช่างบอกไม่เอาครับ แล้วก็ไม่อยากให้ลูกทีมผมเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเหมือนกันครับ ลูกบ้านห้องนี้กิตติศัพท์เป็นอย่างไรก็รู้ๆกันอยู่ ผมถามว่า เขาบอกว่าเคยเรียกใช้งานคุณแล้วก็ให้ค่าตอบแทนทุกครั้ง แสดงว่าเขาต้องไว้ใจคุณมาก ไม่อยากช่วยเขาหน่อยหรือไง หัวหน้าช่างบอก ที่ผมเคยเข้าไปซ่อมให้ ก็เป็นเพราะไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร พอดีคอนโดติดประกาศว่าช่างอาคารไม่มีหน้าที่ซ่อมภายในห้องนั่นแหละครับ ผมถึงใช้เป็นข้ออ้างในการปฏิเสธได้ ผมเคยแนะนำให้ลูกทีมผมเข้าไปซ่อม เขาก็ไม่เอา ผมก็เลยบอกให้หัวหน้าช่างช่วยติดต่อช่างข้างนอกอาคารมาดู แล้วตีราคาเสนอค่าซ่อมเขาไป
ระหว่างที่รอให้หัวหน้าช่างติดต่อช่างนอกอาคาร ผมก็ยังไม่ได้โทรขึ้นไปแจ้งผลกับ she เพราะไม่แน่ใจว่าจะได้ช่างหรือเปล่า สามี she ก็ โทรลงมา สามี she เป็นชาวต่างชาติครับ ผมไม่แน่ใจว่า she ต้องการอะไร ถึงต้องให้สามีที่เป็นชาวต่างชาติโทรมาคุยกับผม อาจจะเป็นเพราะเห็นว่า ผู้ชายกับผู้ชายคุยกันน่าจะมีเหตุผล แล้วก็เข้าใจกันได้มากกว่า หรือ she อาจต้องการแสดงตัวตนของ she ให้ผมเห็นว่า she ไม่ธรรมดา อินเตอร์เหมือนกัน หรืออาจจะต้องการเอาชาวต่างชาติที่มักคิดว่าตัวเอง ศิวิไลซ์ กว่าเรามาโชว์พาวหรือเปล่า
แต่ไม่เป็นไรครับ ผมก็ชี้แจงให้ทราบว่า เรื่องมันเป็นอย่างไรมาอย่างไร he ก็บอกว่า ชั้นที่ไออยู่เนี่ยะ มันไม่มีคนอยู่หรอกทั้งฟลอร์ก็มีไออยู่ครอบครัวเดียว แล้ววันธรรมดาไอกับภรรยาก็ต้องไปทำงาน ไม่สะดวก นอกจากเสาร์อาทิตย์เท่านั้น ผมก็บอกไม่เป็นไร เดี๋ยวไอติดต่อช่างข้างนอกได้แล้ว จะให้ขึ้นไปดูสภาพปัญหา แล้วคุยเรื่องราคากับยู แล้วจะทำวันไหนก็ค่อยมาคุยกันอีกที
หลังจากช่างนอกอาคารเข้ามาดูสภาพงานแล้วตกลงราคากับ she ได้แล้ว เนื่องจากเป็นงานเฉพาะกิจที่ไม่ได้นัดหมายกันล่วงหน้า แล้วก็ให้บังเอิญเป็นเรื่องพอดีหรือพอร้ายไม่ทราบได้ ช่างนอกก็ดันไม่ว่างวันเสาร์ - อาทิตย์อีกเหมือนกัน แล้วก็ไม่ได้คุย ไม่ได้บอกกับ she เรื่องนี้ด้วย พอผมบอกให้โทรขึ้นไปบอก she ด้วยว่า จะเข้ามาซ่อมวันไหน เท่านั้นแหละครับ she ก็ขอคุยกับผม แล้วก็ ขึ้นเสียงตามเคยว่า ฉันบอกแล้วไงว่าฉันว่างวันเสาร์ - อาทิตย์ วันธรรมดาฉันต้องไปทำงาน คุณจะไม่ให้ฉันต้องไปทำมาหากินบ้างหรืออย่างไร ผมก็บอกว่า ก็ช่างเขาบอกเขาไม่ว่างวันเสาร์ อาทิตย์นี้ คุณพี่ก็เลื่อนนัดเขาไปเป็นเสาร์อาทิตย์หน้าก็ได้นี่ครับ she ตอบว่า กว่าจะถึงอาทิตย์หน้า น้ำก็รั่วท่วมห้องพอดี ( โห ! อะไรจะปานนั้น )
สุดท้ายผมก็เคลียร์กับช่างได้ว่า เช้าวันเสาร์เขาจะไปส่งลูกน้องที่หน่วยงานอื่นก่อน แล้วสายๆซัก 10 โมง เขาจะเข้ามาเอง จะมาเปิดแผลดูหน้างานก่อน ( หมายถึงมาสกัดปูนดูก่อนว่าอาการรั่วมันเป็นอย่างไร มากน้อยแค่ไหน ) แล้วจะกลับไปเตรียมอุปกรณ์ เพื่อมาซ่อมสายๆวันอาทิตย์ แล้วผมก็ตกลงกับทุกฝ่ายว่า ถ้ามีลูกบ้านห้องอื่นร้องเรียนเรื่องเสียงรบกวนจากการทำงานของช่าง ต้องหยุดการทำงานทันที หรือถ้า she สามารถไปเคลียร์กับลูกบ้านที่ร้องเรียนได้เอง ก็ทำต่อได้ ทุกฝ่ายตกลงกันตามนี้ แล้วช่างนอกก็ลากลับออกไป
พอช่างนอกเดินคล้อยหลังไม่ทันพ้นหน้าออฟฟิศ คือผมยืนอยู่ในออฟฟิศยังมองเห็นหลังไวๆ ของช่างนอก กำลังจะเดินเลี้ยวขวาเพื่อไปออกหน้าอาคาร she ก็โทรลงมาหาหัวหน้าช่าง แล้วช่างอาคารก็บอกผมว่า ผู้จัดการครับ พี่เขาโทรมา เขาบอกว่าขอแคนเซิ่ลนัดวันพรุ่งนี้ ผมคิดในใจ อะไรกัน (วะ! ) แล้วบอกให้ช่างอาคารรีบวิ่งตามช่างนอกไปบอกว่า ลูกค้าขอยกเลิก เสร็จแล้วก็ถามหัวหน้าช่างอาคารว่า คุณฟังผิดหรือเปล่า เขาบอกว่าคอนเฟิร์ม คุณฟังเป็นแคนเซิ่ลหรือเปล่า หัวหน้าช่างบอก แคนเซิ่ล ชัวร์ครับผู้จัดการ ผมยังถามพี่เขาอยู่เลยว่า แคนเซิ่ลทำไม แล้ว she ว่าไงล่ะ ผมถาม หัวหน้าช่างบอกว่า เขาว่า ฉันไม่เอาล่ะ ฉันไม่ซ่อมก็ได้ ผมคิดในใจ สงสัยคงทำเสียงงอนๆ เหมือนตอนไม่ได้ ASTV แน่เลย
หลังจากนั้นมาจนถึงวันอังคาร ประมาณ 10 โมงเช้า ก็มีช่างนอกคนหนึ่งมาติดต่อขออนุญาตขึ้นอาคาร เพื่อมาซ่อมท่อน้ำรั่วห้องของ she ตามระเบียบของคอนโดก็คือ ช่างหรือผู้รับเหมาที่จะเข้ามาทำงานในคอนโด ระยะเวลาเกิน 1 สัปดาห์ขึ้นไป จะต้องวางเงินค้ำประกันค่าเสียหาย 20,000.- บาท แต่ถ้าเข้ามาทำระยะสั้นแค่ 1 วัน ก็ให้เจ้าของห้องชุดหรือผู้ว่าจ้างเซ็นหนังสือค้ำประกันความเสียหายแทนการวางเงิน ซึ่งหนังสือค้ำประกันที่ว่านี้ คอนโดทำเป็นแบบฟอร์มให้ลูกบ้านกรอกแล้วเซ็นชื่อ ผมก็บอกให้ช่างทราบ ช่างก็บอกไม่มีปัญหาครับ เดี๋ยวให้เจ้าของห้องลงมาเซ็น
แล้วช่างก็โทรคุยกับ she คุยกันอยู่ซักพักนึง ช่างวางสายแล้วบอกผมว่า พี่เขาบอกไม่ต้องเซ็น ให้ขึ้นไปเลย ผมบอกไม่ได้ ถ้าคนจ้างคุณไม่เซ็นค้ำประกันความเสียหายให้เรา เราก็ให้คุณขึ้นไม่ได้ เกิดคุณซ่อมไปซ่อมมาเผอิญเกิดความเสียหายกับทรัพย์สินส่วนกลาง แล้วใครจะมาช่วยคุณรับผิดชอบ อีกอย่างคือ หนังสือค้ำประกันที่ว่านี้ ก็ยังเป็นหลักฐานในการยืนยันตัวตนของคุณ ว่าเราได้อนุญาตให้คุณเข้ามาในคอนโด วันไหนเวลาไหน เพราะคุณเป็นบุคคลภายนอก คุณนึกอยากจะเข้าก็เข้า นึกอยากจะออกก็ออก ตามอำเภอใจไม่ได้ ช่างก็บอก งั้นผู้จัดการก็ต้องคุยกับพี่เขาเองละครับ เพราะพี่เขาบอกผมแบบนี้ ถ้ายุ่งยากมาก ผมไม่ซ่อมแล้วนะครับ ผมจะกลับแล้วละครับ
ผมอยากจะให้เรื่องมันยุติลงด้วยดี ก็เลยให้หัวหน้าช่างเป็นคนคุยกับ she แทนผม ( เพราะคู่นี้เขาซี้กัน ) หลังจากวางสายแล้ว หัวหน้าช่างบอกผมว่า she ไม่เชื่อว่า ระเบียบที่ว่าจะมีจริง เพราะดูเหมือนว่า ระเบียบอะไรต่อมิอะไร เผอิญจะมามีขึ้นมาตอนที่ she จะต้องทำโน่นทำนี่เสมอ ตั้งแต่ขอติดตั้ง ASTV แล้ว ( อ้อ ! เรื่องมันเป็นแบบนี้เอง ท่านผู้ชม ) แล้วคุณว่าไงล่ะ ผมถามหัวหน้าช่าง ผมก็ตอบตามความจริงครับผู้จัดการ ว่ากฎระเบียบทั้งหมด มันมีมาตั้งแต่ก่อตั้งคอนโดเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วครับ she ก็เลยขอให้หัวหน้าช่างเอาสำเนาระเบียบที่ว่า ไปให้ she ดู
ผมก็จัดให้หัวหน้าช่างชุดนึง แล้วเห็นว่า ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ผมก็เลยฝากแบบฟอร์มหนังสือค้ำประกันให้หัวหน้าช่างไปด้วย พร้อมกับบอกว่า ไหนๆคุณก็จะเอาระเบียบไปให้เขาดูแล้ว ผมไม่อยากให้เสียเวลา เพราะหนังสือค้ำประกัน มันก็ไม่ได้มีเนื้อหาซับซ้อนอะไร คุณพาช่างขึ้นไป ให้ she เซ็นหนังสือให้เรียบร้อย แล้วเอาหนังสือค้ำประกันกลับลงมาเข้าแฟ้ม จะได้ไม่ต้องเสียเวลา รอกันไป รอกันมา เพราะช่างเขาเสียเวลามาตั้งนานแล้ว
พอหัวหน้าช่างพาช่างนอกขึ้นไปแล้วกลับลงมา ผมก็ถาม ไหนล่ะ หนังสือค้ำประกัน หัวหน้าช่างบอกว่า พี่เขาบอกว่า ยังไม่เซ็น ขออ่านก่อนว่าเนื้อหาหนังสือค้ำประกันเป็นอย่างไร ถ้าเซ็นเสร็จแล้วจะเอาลงไปให้ ผมคิดในใจว่า ไม่เป็นไร อ่านก่อนก็ดีเหมือนกัน จะได้หมดข้อสงสัยซะที แล้วผมก็ถามต่อว่า แล้วช่างล่ะอยู่ไหน หัวหน้าช่างบอก พี่เขารับช่างเข้าไป แล้วปิดประตูอยู่ในห้องนั่นแหละครับ ผมคิดในใจ เสร็จเขาแล้วล่ะซิ อีเรียม แต่ก็ยังมองโลกในแง่ดีอยู่ว่า ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่เสียเวลา คิดเอาเองว่า ระหว่างที่ she ให้ช่างซ่อมท่อ she ก็คงจะนั่งอ่านระเบียบ หนังสือค้ำประกันไปด้วย กว่าช่างจะซ่อมเสร็จ she ก็น่าจะอ่านจบเข้าใจพอดี แล้วเดี๋ยวก็คงเซ็นชื่อ แล้วฝากช่างลงมาให้ผม ขั้นตอนอาจจะไม่ถูกต้องนัก แต่ขอให้บรรลุวัตถุประสงค์เป็นใช้ได้
แล้วผมก็ทำงานอื่นเรื่อยไปตามปกติ จนกระทั่งประมาณบ่ายสองโมงเศษๆ ผมนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ ก็เลยโทรเช็คไปที่ รปภ. ประจำจุดล็อบบี้ของอาคารที่ she อยู่ว่า ช่างนอกขึ้นไปซ่อมท่อห้องเลขที่นี้ ประมาณ 10 โมงเศษๆ ไม่ทราบลงมาแล้วหรือยัง รปภ. บอก ออกไปแล้วค่ะ ผมถามออกไปตอนกี่โมง เจ้าหน้าที่บอก ประมาณ 11โมง เศษๆค่ะ เอาแล้วมั๊ยล่ะ อีเรียม เสร็จเขาจริงๆ คือโดนหลอกจริงๆครับ ท่านผู้ชม
ผมเห็นว่ายังโชคดีที่ไม่เกิดเหตุอะไรร้ายแรงกับกรณีนี้ แต่ก็แจ้งให้ผู้ช่วยฯกับหัวหน้าช่างทราบว่า เกิดเหตุลักษณะนี้ขึ้น ไม่แน่ใจว่า ช่างนอกที่ว่า มาดูหรือซ่อมเสร็จแล้ว แต่ถ้าคราวหน้ามาอีก ต้องยืนยันให้ทำหนังสือค้ำประกันให้ได้
แล้วก็เงียบหายไปเป็นเวลาสัปดาห์กว่าๆ ก็มีสามีของ she มาฝากหนังสือจ่าหน้าเป็นภาษาอังกฤษถึงผม ผมเปิดอ่านดูก็กลายเป็นหนังสือแสดงความคิดเห็นที่มีต่อระเบียบ ข้อบังคับการเข้าตกแต่ง ต่อเติม ซ่อมแซมห้องชุด ที่หัวหน้าช่างเคยสำเนาไปให้ she นั่นแหละครับ เนื้อหาก็ประมาณว่า เห็นด้วยกับข้อนี้ ไม่เห็นด้วยกับข้อนี้ ขอให้แก้ไขปรับปรุงตามข้อเสนอแนะด้วย แน่ะ !
ผมคิดในใจว่า ระเบียบนี้มันมีมาเป็นเวลากว่า 10 ปี ห้องอื่นเขาอยู่กันมา มีผู้รับเหมาเข้าๆ ออกๆ คอนโด มาตกแต่งห้องชุดเป็นร้อยๆ ราย ไม่เห็นเขามีปัญหาอะไร ผมไม่ทราบว่า she มาอยู่เมื่อไร แต่ก็มาก่อนผมก็แล้วกัน มีความกล้าหาญมาก ที่จะขอให้ผมแก้ไขระเบียบให้ตรงใจ ตรงความต้องการของ she กับสามี ขอโทษทีเถอะ ผมเป็นผู้จัดการคอนโด ผมไม่มีอำนาจแก้ไขระเบียบใดๆทั้งสิ้นครับ ต้องนำเสนอกรรมการคอนโด แล้วท่านคิดว่า ถ้าผมนำเสนอแล้วจะไม่โดนกรรมการชะยันโตอย่างนั้นหรือ กรรมการคอนโดเขาจะยอมแก้กติกา เพื่อตอบสนองความต้องการของคนคนเดียว หรือจะเอาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของชุมชนโดยรวมมากกว่ากัน สรุปแล้วผมก็เอาหนังสือที่ว่า เก็บเข้าลิ้นชักครับ
จนวันหนึ่งมีสุภาพสตรีท่านหนึ่ง โทรมาแนะนำตัวกับผมว่า เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ห้องชุดเลขที่ ที่ she ผู้นั้นเป็นผู้เช่า ด้วยน้ำเสียงที่ขุ่นข้องหมองใจ แล้วก็เริ่มคอมเพลนผมว่า พี่ได้รับการร้องเรียนจากผู้เช่าของพี่ว่า ผู้จัดการคอนโดที่นี่ ชอบกลั่นแกล้งและขัดขวางการทำกิจกรรมของเขา จะทำอะไรก็ไม่ไห้ ไม่ได้ ไม่ยอม ผมก็ถามว่า เรื่องอะไรบ้างละครับคุณพี่ เขาบอกว่า ท่อน้ำในห้องของเขารั่ว เขาจะเอาช่างมาซ่อมวันเสาร์ อาทิตย์ก็ไม่ได้ พอเขาเอาช่างมาวันธรรมดาก็ขัดขวางไม่ยอมให้ช่างของเขาขึ้นไปซ่อม อ้างโน่น อ้างนี่ ซึ่งไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า ดีนะที่หัวหน้าช่างอาคารเขามาช่วยเคลียร์ ช่วยพาช่างขึ้นไป ไม่งั้นก็คงไม่ได้ซ่อมอีก ผมคิดในใจ ไหงเป็นงั้นไปได้ล่ะ ท่านผู้ชม
ผมใช้เวลาอธิบายและพูดความจริงให้เจ้าของร่วมท่านนี้ฟังร่วมครึ่งชั่วโมง พร้อมกับยืนยันว่า ถ้าคุณพี่ไม่แน่ใจว่า เรื่องที่ผมเล่ากับเรื่องที่ผู้เช่าของคุณพี่พูด อันไหนจะเป็นความจริงมากกว่ากัน วันไหนคุณพี่ว่าง ผมเชิญคุณพี่มาเยี่ยมผมที่คอนโดนี้ได้เลย ผมมีทั้งพยานเอกสารและพยานบุคคลเพื่อยืนยันในสิ่งที่ผมพูด คุณพี่ไปดูบันทึกของ รปภ. จุดล็อบบี้ก่อนขึ้นอาคารได้เลยว่า บันทึกและลายเซ็นของช่างนอก ที่ผู้เช่าของคุณพี่พาเข้ามาในอาคาร เข้ากี่โมง ออกกี่โมง เป็นความจริงตามที่ผมพูดหรือไม่ หรือคุณพี่จะเอาเบอร์โทรศัพท์ของหัวหน้าช่างอาคาร เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงจากเจ้าตัวเขาเองเลยก็ได้ เจ้าของร่วมท่านนี้ ก็ตอบผมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลงว่า ไม่ต้องหรอก พี่เชื่อคุณ สิ่งที่คุณทำนั้นถูกต้องแล้ว สิ่งที่คุณทำมันเป็นเรื่องของ security ซึ่งคอนโดทุกที่จะต้องคำนึงถึงเป็นเรื่องหลักอยู่แล้ว ไม่เป็นไร แล้วพี่จะโทรไปเคลียร์กับผู้เช่าของพี่เอง พี่จะขอให้เขาให้ความร่วมมือกับคุณมากกว่านี้ แล้วก็ลากันทางโทรศัพท์ด้วยความเข้าใจที่ดีต่อกัน
นี่แหละครับท่านทั้งหลาย หัวใจอันอ่อนล้าของผู้จัดการคอนโด จะกลับมาเต็มเปี่ยมด้วยพลังแห่งความสร้างสรรค์ได้อีกครั้ง ก็ต่อเมื่อได้รับความเห็นใจจากลูกบ้านที่มีความเข้าอกเข้าใจ การทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาของผู้จัดการคอนโดแบบนี้แหละครับ ( รู้สึกสำนวนจะออกลิเกหน่อยๆนะ ! ) แต่อย่าเพิ่งคิดว่าเรื่องของผมกับลูกบ้านสูงวัย หัวใจละอ่อน จะจบลงเพียงเท่านี้ นี่แค่ยก 2 ครับ โปรดติดตามยก 3 ซึ่งเป็นยกสุดท้ายครับ
Real estate & condomanager community
วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2552
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
5 ความคิดเห็น:
วีรกรรมสุดยอดมากเลยนะคะ นับถือในน้ำอดน้ำทน -/\-
ที่ว่า วีรกรรมสุดยอดนั้น หมายถึงใครครับ ผมหรือลูกบ้าน ? แล้วชมหรือเปล่าเนี่ย
ธรรมดาครับ เขาถึงกำหนดคุณสมบัติของผู้จัดการคอนโดไว้ว่า เป็นผู้ที่ต้องทำงานภายใต้สภาวะกดดันได้ดี อย่างผมนี่ก็ถือว่า พอเอาตัวรอดได้ครับ
เห็นโพสต์ของคุณที่มติชนครับ ว่าอยากลงเรื่องในพ็อกเกตบุ๊คดู
แนะนำให้ลองไปคุยกับ สนพ.อนิเมท ดูก็ได้ครับ
เห็นว่าเขารับเรื่องราวแบบเรื่องเล่าบันทึกอยู่ สนพ.อยู่ตรงแถวท่าพระครับผม
http://www.animategroup.com/
ลองดูนะครับ
ขอบคุณมากครับ สำหรับคำแนะนำ แล้วจะลองติดต่อดูครับ
ขอบคุณคำแนะนำนะครับ ลูกบ้านคอนโด
แสดงความคิดเห็น