Real estate & condomanager community

วันอังคารที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

พ่อบ้านคอนโด : เล่าแจ้ง แถลงไข



รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังนำเสนอเรื่องราว โดยลอกเลียนแบบวิธีที่ผู้สร้างหนังฮอลลีวู้ดกำลังนิยม นั่นคือ ทำหนังออกมาเรื่องนึงก่อน พอฉายแล้วได้รับความนิยมก็จะสร้างภาค 2 ภาค 3 เป็นตอนต่อมา จนมีการบัญญัติศัพท์ขึ้นมาเรียกหนังแนวนี้ว่า หนังไตรภาค คือ 3 ภาคจบ
ทีนี้พอเราได้ดูหนังไตรภาคจบเรียบร้อยแล้ว คนทำหนังก็ยังอุตส่าห์คิดพร็อตเรื่องออกมาฉายเก็บเงินคนดูได้อีก แต่แทนที่จะทำเป็นภาค 4 เปล่าครับ ทำหนังตอนที่ 4ก็จริง แต่เนื้อเรื่องกลับกลายเป็นว่าเล่าจุดกำเนิดของภาค 1 ย้อนกลับไปโน่น ต้องยอมรับว่าฝรั่งเขาเก่งเรื่องคิดบทภาพยนตร์จริงๆ

อย่าง Batman หรือมนุษย์ค้างคาวนี่ ทำออกมาฉายตั้งหลายตอน เสร็จแล้วคงจะหมดมุกหรือไงไม่ทราบ นี่เลยครับ ขอเสนอ batman ตอนใหม่ล่าสุด Batman : The beginning ก็ว่ากันถึงจุดกำเนิดหรือจุดเริ่มต้นของมนุษย์ค้างคาวว่า ทำไมถึงเก่งเป็นเลิศ ทั้งเทคโนโลยีและศิลปการการต่อสู้ป้องกันคัวหลายท่านคงได้ดูได้ชมกันแล้ว

หรืออย่างนี่ x-men ศูนย์รวมมนุษย์พันธุ์ประหลาด มีทั้งฝ่ายธรรมะกับอธรรม ฟาดฟันแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์กันจนจบสงบราบคาบเรียบร้อยภายใน 3 ภาค ตอนนี้มาแล้วครับ x-men origins ชื่อภาษาไทยว่า กำเนิดวูล์ฟ เวอรีน เอาอีกละ แต่ก็ยอมเสียเงินดูครับ เพราะอยากรู้ว่า คุณ (ไอ้) มนุษย์หมาป่าเนียะ มันเกิดมาจากอะไร อยู่ๆ ทำไมมันมีเหล็กแหลมยืดได้หดได้ออกมาจากมือมัน น่าสนใจดี

ที่อ้างอิง อารัมภบท ซะยืดยาวอย่างนี้ เพราะผมตั้งใจจะเขียนบอกกล่าวให้ทราบถึงที่มาที่ไป หรือแนวคิดที่จะเขียนเล่าประสบการณ์ของตัวเอง ถ้ามีโอกาสก็จะเผยแพร่สู่สาธารณะตามความเหมาะสม แต่ก็ยังไม่มีโอกาสซักที จนกระทั่งมีคนแนะนำให้ทำ blog ส่วนตัวนี่แหละครับ จึงเห็นว่าเป็นโอกาสและช่องทางที่น่าสนใจ ในการที่จะเขียนเล่าระบายความในใจให้สาธารณะชนได้รับรู้บ้าง แต่ขอยืนยันตรงนี้นะครับว่า ข้อเขียนของผมก่อนหน้านั้น ไม่ได้ดังระเบิดเถิดเทิงเหมือนหนังฮอลีวู้ดแต่อย่างใด แต่วิธีการเรียงลำดับมันลอกแบบเขามาเท่านั้นเอง

เดิมทีตั้งใจว่าจะตั้งชื่อคอลัมน์ว่า เฮฮาประสาคอนโด เนื่องจากอย่างที่ท่านผู้จัดการคอนโดทั้งหลายทราบดีว่า อาชีพผู้จัดการคอนโดนั้น เป็นอาชีพที่นั่งอยู่ท่านกลางความขัดแย้งและปัญหาของลูกบ้าน ดังนั้น จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเจอสภาวะกดดันและความเครียดอยู่เกือบตลอดเวลา

ถ้าจะมีสิ่งจรรโลงใจให้พอหายเครียดได้บ้าง ก็คือ วิธีคิดและมุมมองของผู้จัดการคนโดแต่ละท่านนั่นเอง ผมเคยได้รับการอบรมสั่งสอนมาว่า ถ้ามีลูกบ้านมาร้องเรียนหรือ complain ในภาษาอังกฤษนั้น สิ่งที่ผู้จัดการคอนโดต้องทำคือนอกจากฟังเขาพูดแล้ว ต้องฟังใจเขาด้วยว่า ใจเขาพูดว่าอะไร ไม่ได้หมายความว่าต้องเอาเครื่องมือช่วยฟังของหมอ ไปจิ้มตรงหัวใจลูกบ้านนะครับ

แต่หมายความว่า ในขณะที่เรานั่งฟังลูกบ้าน Complain นั้น อากัปกิริยาของลูกบ้านแต่ละคนก็จะแตกต่างกันไป บางคน complain พร้อมกับความโกรธ ( ซึ่งแบบนี้จะเจอบ่อยมาก ) บางคนก็ตัดพ้อต่อว่า บางคนก็งุนงงสงสัย บางคนก็เจตนาดี แจ้งข้อมูลความบกพร่องต่างๆ เพื่อต้องการให้ปรับปรุงแก้ไขจริงๆ บางคนก็มีเจตนาแฝง ตำหนิได้ทุกเรื่อง ไม่เคยพอใจอะไรเลย เจอแบบนี้ผู้จัดการคอนโดมือใหม่ๆมึนครับ! คำว่าฟังใจเขานั้น ก็หมายความว่า ค้นหาแรงจูงใจเขาให้เจอว่า ความต้องการที่แท้จริงขิงเขานั้นคืออะไร ต้องวิเคราะห์ให้ได้ว่าต้นเหตุของปัญหาเป็นแรงจูงใจของเขานั้นคืออะไร

เห็นหรือยังครับว่า อาชีพผู้จัดการคอนโดนั้นเป็นสหวิทยาการจริงๆ คุณต้องมีความเข้าใจเรื่องจิตวิทยาพอสมควร ซึ่งหมายถึงเข้าใจพฤติกรรมของลูกบ้านคนนั้นๆ ขณะที่นั่งฟังเขา complain แต่ไม่ถึงกับต้องเชี่ยวชาญทฤษฎีจิตวิเคราะห์ของ ซิกมันด์ ฟลอยด์ นะครับ เพราะผู้จัดการคอนโดไม่ใช่จิตแพทย์ ไม่มีหน้าที่ต้องบำบัดอาการป่วยทางจิตให้กับลูกบ้านแต่อย่างใด

หลังจากจับประเด็นปัญหาของลูกบ้านได้แล้ว ก็หาทางแก้ไขให้เขาไปตามกำลังความสามารถ อันไหนจบได้ที่เราก็จบ อันไหนจบไม่ได้ก็ส่งเรื่องต่อไปให้ผู้เกี่ยวข้องที่มีอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดการนิติบุคคลหรือคณะกรรมการฯก็ตามแต่แก้ไขกันไป

สิ่งหนึ่งที่จรรโลงใจผมได้มากที่สุดก็คืออารมณ์ขันครับ ผมเจอลูกบ้านหรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการบริหารคอนโด ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายของเจ้าของโครงการ รปภ. แม่บ้าน แต่ละคนล้วนแต่มีโอกาสสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับผู้จัดการคอนโดได้ไม่มากก็น้อย ทีนี้ถ้าเราไม่สามารถค้นหาแรงจูงใจของกลุ่มคนเหล่านี้ได้ ก็จะพบความเครียดในตัวปัญหาที่เขาเหล่านั้นก่อให้โดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ พอค้นแรงจูงใจได้เราก็จะแก้ปัญหาได้ถูกจุด เราก็จะสามารถเปลี่ยนความเครียดให้เป็นอารมณ์ขันได้ ตามสไตล์ของผู้จัดการแต่ละคน

เลยตั้งใจว่าจะเขียนเล่าให้ฟังในแนวออกเฮฮา ขำๆ มีจิก มีกัด มีข่วนบ้างพอแสบๆคันๆ คือจะเอาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆมาเรียบเรียงจากแนวเครียดให้ออกเป็นแนวเฮฮา

แต่หลังจากได้เข้าไปอ่านกระทู้ที่เกี่ยวข้องกับการอยู่อาศัยร่วมกันของคอนโด ตาม web board ต่างๆแล้วเห็นว่า การกระทบกระทั่งกันระหว่างฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวพันกันในคอนโด ยังคงเป็นปัญหาที่ได้พบเจอบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นลูกบ้านถูกเจ้าของโครงการเอาเปรียบ ลูกบ้านถูกบริษัทบริหารเอาเปรียบ หรือลูกบ้านถูกฝ่ายจัดการคอนโด ซึ่งก็รวมถึงผู้จัดการคอนโดด้วยล่ะ ปฏิบัติต่อตนเองด้วยความก้าวร้าวรุนแรง หรือลูกบ้านบางรายทำผิดโดยที่ไม่รู้ว่าผิด เป็นต้น

( แต่น่าแปลกนะ ไม่ค่อยเจอผู้จัดการคอนโดโพสต์เข้ามาระบายความอัดอั้นตันใจบ้างเลย ทั้งๆที่เป็นอาชีพที่โดนสับทั้งขึ้นทั้งล่องแบบนั้น หรืออาจเป็นเพราะกระดากหรือไง ที่จะต้องแสดงความหวั่นไหวให้สาธารณะชนได้รับรู้ หรือว่าไม่รู้จะไประบายที่ไหน หรือกลัวเสียฟอร์ม ? เฮ้อ! )

สิ่งต่างๆเหล่านี้เกิดขึ้นโดยที่ผมเชื่อว่า เป็นเพราะต่างฝ่ายต่างไม่รู้ขอบเขตหน้าที่ของตัวเอง บางฝ่ายอาจจะทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ บางฝ่ายทำไปทั้งๆที่รู้ว่าไม่ควรทำ แต่ก็ยังอยากทำเพราะคิดว่าอีกฝ่ายไม่รู้ (เอาเปรียบกันไง ! )

ผมจึงคิดว่า แทนที่จะออกแนวเฮฮาอย่างเดียว น่าจะออกแนวสาระบ้าง คือนอกจากจะเล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟังในแนวเฮฮาแล้ว อาจจะสอดแทรกสาระในเชิงกฎหมายหรือระเบียบปฏิบัติบ้างตามสมควร แต่ไม่ออกในแนววิชาการนะครับ เพราะไม่ใช่แนวถนัด แล้วก็ไม่ได้เป็นนักวิชาการด้วย

ก็เลยค่อยๆปรับเปลี่ยนแนวคิดจาก เฮฮาประสาคอนโด เป็น พูดจาประสาคอนโด ก่อน แล้วมาดัดแปลงเป็น พูดจาประสา (ภาษา) คอนโด ในที่สุด เนื่องจากว่า อาจจะมีการอ้างอิงภาษากฎหมายตาม พรบ. อาคารชุด บ้างตามสมควร

หลังจากได้ท้าวความกันพอสมควรแล้ว ก็ขอจบเอาดื้อๆตามนี้นะครับ

สวัสดีครับ
ผู้จัดการคอนโด
10 พ.ค. 52
condo.mgr@hotmail.com
SPECIAL REQUESTED ! ! !

ก่อนอ่านต่อหน้าอื่น อย่าลืมคลิกลิ้งค์โฆษณาหน้านี้ เพื่อสนับสนุนสปอนด์เซอร์บ้างนะครับ

ขอบคุณครับ

ไม่มีความคิดเห็น: