Real estate & condomanager community
วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
ผู้จัดการคอนโด : อาชีพที่ไม่มีสถาบันเปิดสอน ( 2 )
โดยที่ประเทศไทยไม่มีโรงเรียนหรือสถาบันที่จัดให้มีการเรียนการสอนวิชาการบริหารคอนโดเป็นหลักสูตรเฉพาะ และยังไม่มีองค์กรวิชาชีพใดๆเป็นผู้เข้ามาควบคุมมาตรฐานการปฏิบัติงานเหมือน วิศวกร สถาปนิกหรือทนายความ และโดยที่การบริหารคอนโดมีลักษณะเป็นเหมือนสหวิทยาการ จึงทำให้ยากที่จะกำหนดหรือระบุได้ว่าผู้จัดการคอนโดควรจะเป็นกลุ่มคนที่เรียนจบมาจากสาขาวิชาใด
มีการแบ่งงานบริหารคอนโดออกเป็น 3 หมวดใหญ่ๆ คือ
การบริหารอาคาร (Building management)
การบริหารลูกบ้าน (Co-owner managemnet)
และการบริหารการเงิน ( Financial management )
สามหมวดใหญ่ที่ว่านี้ยังแบ่งซอยแยกย่อยได้อีกมากมาย เอาเป็นว่าแค่สามหมวดใหญ่ที่ว่านี้เราจะหาคนที่เชี่ยวชาญงานทั้งสามหมวดในคนเดียวกันได้จากไหน คำตอบคือไม่มีครับ !
ผมจะลองแจกแจงให้ดูนะครับ
การบริหารอาคาร เราต้องการคนที่มีความรู้ความเข้าใจทางด้านสถาปัตยกรรม งานตกแต่งภายนอก-ภายในอาคาร งานดูแลรักษาต้นไม้-สวนหย่อม งานวิศวกรรมระบบไฟฟ้า-เครื่องกล
การบริหารลูกบ้าน เราต้องการคนที่มีความรู้เรื่องกฎหมายและจิตวิทยามวลชน และต้องเป็นคนที่มีใจรักงานบริการ สามารถติดต่อสื่อสารกับลูกบ้านได้ทั้งโดยการพูดและเขียน ( ข้อนี้ละมั้ง ที่เขาบอกต้องทนสภาวะกดดันได้ )
การบริหารการเงิน เราต้องการคนที่มีความรู้ความเข้าใจ เรื่องบัญชี-การเงิน ต้องเข้าใจเรื่องกระแสเงินสด ต้องเข้าใจงบรายรับ-รายจ่าย ต้องเข้าใจงบดุล ต้องมีความสามารถในการติดตามทวงถามค่าใช้จ่ายค้างชำระ เป็นต้น
นอกจากนี้ผู้จัดการคอนโดยังต้องเข้าใจเรื่องการบริหารงานบุคคล เพราะต้องปกครองดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งพนักงานสายตรงและพนักงานของผู้รับจ้างตามสัญญารายเดือนและรายปีต่างๆ ( แม่บ้าน , รปภ. )
จากประสบการณ์ของผมเอง ผมเคยเจอผู้จัดการคอนโดที่มีพื้นฐานความรู้ ประสบการณ์ การศึกษาจากสาขาวิชาต่างๆ มาบ้าง ทำให้พอมองเห็นความแตกต่างหรืออาจเรียกว่าสไตล์ของผู้จัดการคอนโดแต่ละประเภท เช่น
ผู้จัดการวิศวกร คนเรียนจบหรือผ่านงานสายช่างอาคารมานานแล้วก็เติบโตตามสายงานจนได้รับการโปรโมทให้เป็นผู้จัดการฯ ผู้จัดการคอนโดประเภทนี้มักจะมีจุดอ่อนเรื่องการบริหารลูกบ้าน เพราะโดยพื้นฐานที่ทำงานกับเครื่องจักรกลมาตลอด เลยทำให้ขาดทักษะในการมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ แบบว่าพูดกับเครื่องจักรรู้เรื่องแต่พูดกับมนุษย์ด้วยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง ยิ่งถ้าเป็นผู้จัดการโครงการมาก่อนละก็ อัตตาสูงอย่าบอกใครเชียว เวลามีปัญหาอะไร ก็จะนึกถึงสเป็คไว้ก่อน ส่วนใหญ่จะอ่อนเรื่องบัญชีด้วย แต่โดยที่มีความคิดเป็นระบบ มองอะไรก็เป็นไดอะแกรมไปหมด จึงทำให้สามารถเรียนรู้เรื่องบัญชีได้ เพราะเขาจะมองเรื่องบัญชีเป็นเรื่องกระแสเงินไหลเข้า - กระแสเงินไหลออกเหมือนกระแสไฟฟ้าเลยทีเดียว และจะศึกษาเรื่องกฎข้อบังคับต่างๆได้ดี เพราะคนแบบนี้ชอบท่องสเป็คจนขึ้นใจ
ผู้จัดการนักกฎหมาย คนเรียนจบสายงานด้านกฎหมายแต่ไม่คิดจะเอาดีทางว่าความ ผู้จัดการคอนโดประเภทนี้มักจะมีบุคลิกอ่อนนอกแข็งใน ท่าทางอาจจะไม่ใช่คนนอบน้อมมากนัก ติดอัตตานิดหน่อย แววตาเหมือนพร้อมจะมีเรื่อง ไม่ได้หมายถึงชกต่อยนะครับ หมายถึงพร้อมจะปะทะทางความคิดกับคู่กรณีด้วยความเชื่อมั่นตามแนวคิดของทนายความอย่างไรอย่างนั้น คนแบบนี้จะแม่นเรื่องกฎระเบียบข้อบังคับมาก ( แหม ! ก็เรียนจบมาทางด้านนี้นี่นา ) เรื่องบัญชี – การเงิน พอเรียนรู้ได้ แต่จะอ่อนเรื่องการบริหารอาคารเพราะไม่ค่อยมีความรู้เรื่องงานระบบวิศวกรรมในอาคาร แต่ถ้าได้หัวหน้าช่างที่แข็งๆหน่อยจะช่วยได้มาก
ผู้จัดการนักการโรงแรม คนเรียนจบหรือทำงานสายงานโรงแรมมานาน คนแบบนี้เหมาะที่จะดูแลเซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์หรือคอนโดสำหรับพักอาศัยมาก บุคลิกจะเนี้ยบตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้า เพราะทำงานในสายงานที่อาจจะเรียกได้ว่าขายงานบริการเป็นหลักจริงๆ การพูดจาสุภาพโอ่นโยน เต็มเปี่ยมไปด้วย Service mind ผมเคยถามคนกลุ่มนี้ว่า ทำไมคนทำงานในสายงานโรงแรมถึงมีบุคลิกภาพเฉพาะอย่างของเขา เป็นเพราะสภาพแวดล้อม ( อาชีพการงาน ) หล่อหลอมหรือว่าเป็นเพราะบุคลิกภาพส่วนตัวของเขาเอง ส่วนใหญ่ตอบว่าเป็นบุคลิกภาพส่วนตัว เขาบอกว่างานแบบนี้พวกนักเลงทำไม่ได้ ( แป่วววววว !!!! ) คนกลุ่มนี้จะได้เปรียบเรื่องภาษาต่างประเทศ จุดอ่อนคือเรื่องงานระบบวิศวกรรมเหมือนพวกนักกฎหมาย ก็หาหัวหน้าช่างเก่งๆมาเสริมทีมก็น่าจะไปได้
ผู้จัดการนักรัฐศาสตร์ คนเรียนจบสายรัฐศาสตร์แล้วไม่คิดจะเอาดีทางด้านรับราชการ ไม่สนใจจะเป็นผู้ว่า แต่ยินดีที่จะเป็นผู้ถูกว่า ( ก็เป็นผู้จัดการคอนโดไง ! ) ในความคิดเห็นส่วนตัวผมแล้วเห็นว่าคนเรียนจบสายรัฐศาสตร์น่าจะเป็นสายที่เหมาะกับอาชีพผู้จัดการคอนโดมากกว่าเพื่อน คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากนะครับ คนพวกนี้เรียนการเมืองการปกครอง จิตวิทยา – กฎหมายมวลชนครบเครื่อง ความสามารถทางด้านภาษาก็เป็นคุณสมบัติเฉพาะบุคคล ส่วนใหญ่จะอ่อนเรื่องงานระบบวิศวกรรมอาคาร เรื่องบัญชีก็พอเรียนรู้ได้
แล้วตัวผมละเป็นผู้จัดการคอนโดแบบไหน ผมมีพื้นฐานการเรียนและทำงานสายช่างมาก่อนแล้วมาเรียนจบบริหารธุรกิจสาขาการจัดการทั่วไปภายหลัง เลยทำให้ผมเป็นผู้จัดการกึ่งๆวิศวกรกึ่งๆนักการจัดการ จัดประเภทตัวเองไม่ถูกเหมือนกัน
ผมเองก็ยังมีปัญหาเรื่องการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกบ้านอยู่บ้าง โดยพื้นฐานนิสัยที่เป็นคนอารมณ์ร้อนจึงทำให้ผมมักจะมีปัญหากับลูกบ้านที่ไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอยต้องปะทะกันทางอารมณ์บ่อยๆ ( อันนี้จะพยายามปรับปรุง )
พื้นฐานความรู้ทางช่างทำให้ผมไม่มีปัญหาเรื่องงานระบบวิศวกรรมในอาคาร การที่ผมเรียนจบการจัดการทั่วไปซึ่งดูเหมือนเป็นสหวิทยาการเหมือนกัน เลยทำให้ผมสามารถประยุกต์ความรู้ที่เรียนมาใช้ประโยชน์ได้เกือบทุกเรื่อง
จุดอ่อนหรือนิสัยส่วนตัวของผมคือไม่ค่อยถนัดในการพูดต่อหน้าสาธารณะชนเท่าไร ถนัดเขียนมากกว่า
ก็เลยอยากจะเขียนเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่ได้ประสบพบมาในการทำอาชีพผู้จัดการคอนโด อย่างน้อยก็เป็นการระบายความเครียดได้ช่องทางหนึ่ง และคิดว่าบางทีข้อคิดเห็นบางประการอาจจะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนบ้างไม่มากก็น้อย ก็ขอจบพูดจาประสาคอนโดฉบับนี้ไว้เพียงเท่านี้ก่อนนะครับ โอกาสหน้าเจอกันใหม่ครับ
สวัสดีครับ
ผู้จัดการคอนโด
ตุลาคม 2551
condo.mgr@hotmail.com
SPECIAL REQUESTED ! ! !
ก่อนอ่านต่อหน้าอื่น อย่าลืมคลิกลิ้งค์โฆษณาหน้านี้ เพื่อสนับสนุนสปอนด์เซอร์บ้างนะครับ
ขอบคุณครับ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
4 ความคิดเห็น:
บทความเขียนได้เยี่ยมครับ
วันหน้าจะเข้าเยียมบ่อยๆ ครับ
ขอบคุณที่ชอบครับ ว่างๆเข้ามาเขียนบทความแจมกันก็ได้นะครับ ยินดีที่จะเผยแพร่ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์-ความคิดเห็นกัน
ขอบคุณรุ่นพี่มากๆเลยครับที่อุตส่าห์สละเวลาเขียนสิ่งที่มีประโยชน์สุดๆสำหรับผู้จัดการคอนโดน้องใหม่ใจไม่รักอย่างผม จะพยายามทำตามคำสอนทุกอย่างและถ้าไม่รังเกียจผมอาจเขียนเป็นกระทู้ถามเรื่อยๆนะครับพี่
อ้น ถนนวิทยุ
ด้วยความยินดีครับ
มีปัญหาสอบถามได้ที่ condo.mgr@hotmail.com นะครับ
จะตอบเท่าที่ตอบได้
แสดงความคิดเห็น